ความแตกต่างของนมแพะและนมโคบางส่วนที่มี เช่น นมแพะมีคุณสมบัติในการย่อยง่ายกว่านมโค เพราะลิ่มนมซึ่งเกิดจากโปรตีนเจอกับกรดในกระเพาะมีขนาดเล็กกว่าลิ่มนมของนมโค
ไขมัน
ส่วนประโยชน์ในประเด็นที่ว่านมแพะไขมันต่ำกว่านมโคนั้น คงสรุปเช่นนั้นไม่ได้ เพราะขึ้นกับสายพันธุ์ของนมแพะ ซึ่งมีมากมายหลายสายพันธุ์เช่นเดียวกับโคนม บางสายพันธุ์ (Saanen) ให้ปริมาณน้ำนมมากแต่ปริมาณไขมันต่ำ ขณะที่บางสายพันธุ์ (Nubian) จะให้ปริมาณน้ำนมน้อยกว่าแต่ปริมาณไขมันสูง
สิ่งที่แตกต่างระหว่างโคนมและนมแพะ ที่ชัดเจนคือ
ขนาดของหยดไขมัน (fat globules) ที่นมแพะมีขนาดเล็กกว่านมโค ด้วยเหตุนี้ นมแพะจึงไม่จำเป็นต้องผ่านกระบวนการตีไขมันให้แตกละเอียด (homeogenesis) เพื่อให้มีส่วนประกอบที่สม่ำเสมอไม่เกิดการลอยเป็นฝ้าหรือการเกิดชั้นของครีม
ทั้งนี้ขั้นตอนการตีไขมัน ซึ่งทำในนมโคนั้นจะมีเอนไซม์แซนทีนออกซิเดส (xanthine oxidase) หลุดออกมาเป็นอิสระและมีโอกาสผ่านผนังลำไส้เข้าสู่กระแสเลือดได้ ซึ่งอาจไปกระตุ้นร่างกายให้ปล่อยโคเลสเตอรอลเข้าสู่กระแสเลือดมากขึ้นได้ และเมื่อตีไขมันแตกแล้วเอนไซม์ไลเพส (lypase) ในนมจะทำให้เกิดมีรสขมหรือหืน ดังนั้น หลังการตีไขมันแล้วจึงต้องมีการผ่านความร้อนเพื่อทำลายเอนไซม์
วิตามิน
ประโยชน์ในแง่ของวิตามินนั้น นมแพะจะเปลี่ยนคาโรทีนทั้งหมดให้อยู่ในรูปของวิตามินเอ จึงทำให้นมแพะสีจะค่อนข้างขาวกว่านมโคซึ่งยังมีบางส่วนอยู่ในรูปคาโรทีนอยด์
ส่วนกลุ่มวิตามินบีนั้น นมแพะจะมีวิตามินบี 2 และไนอาซีนสูงกว่านมโค แต่มีวิตามินบี 6 และวิตามินบี 12 ต่ำกว่านมโค แต่ทั้งนั้นนมโคและนมแพะมีวิตามินซีและวิตามินดีต่ำทั้งคู่
แร่ธาตุ
ปริมาณแร่ธาตุต่างๆ ในน้ำนมนั้นแร่ธาตุบางชนิดในนมแพะจะสูงกว่าในนมโค ได้แก่ แคลเซียม โพแทสเซียม แมกนีเซียม ฟอสฟอรัส คลอไรด์ และแมงกานีส ในขณะเดียวกันก็มีแร่ธาตุบางชนิดต่ำกว่านมโค ได้แก่ โซเดียม เหล็ก ซัลเฟอร์ สังกะสี และโมลิเดียม "ดังนั้น การกล่าวอ้างว่านมแพะใช้รักษาโรคโลหิตจางจึงไม่มีคำอธิบายสนับสนุนที่ชัดเจน ขณะเดียวกัน ก็ยังพบว่าโรคโลหิตจางในทารกบางรายที่เลี้ยงน้ำนมแพะ"
การแพ้นม
ในการแนะนำคนที่แพ้นมโคให้ดื่มนมแพะแทนนั้น จะได้ผลเฉพาะในรายที่มีสาเหตุการแพ้น้ำเหลืองวัว (bovine serum) ในนมวัวเท่านั้น ซึ่งพบเป็นส่วนน้อย
ผู้ที่แพ้น้ำเหลืองวัวก็จะมีอาการแพ้ต่อผลิตภัณฑ์ที่ทำจากนมโคทุกชนิด (ไม่ว่าเนยหรือเนยแข็ง) ไม่ใช่เฉพาะกับนมเท่านั้น แต่คนที่แพ้นมโคส่วนใหญ่มีสาเหตุการแพ้จากส่วนประกอบอื่นๆ ในเนื้อนม ที่พบได้บ่อยคือการแพ้แล็กโทส ในกรณีนี้การดื่มนมแพะจะไม่ใช่วิธีการแก้ไข เนื่องจากนมแพะก็มีแล็กโทสเช่นกัน แม้จะมีปริมาณการบริโภคโยเกิร์ตหรือดื่มนมเปรี้ยว เพราะมีการย่อยแล็กโทสไปแล้วโดยจุลินทรีย์
ข้อเสียของการดื่มนมแพะหรือไม่
ข้อเสียที่มักได้ยินคือ เรื่องของกล่อนและรส แต่ในความเป็นจริงแล้ว กลิ่น รสเหล่านี้เกิดจากวิธีการเลี้ยงดูและการบริหารจัดการในการรีดนม ถ้าทำการดูแลแพะให้สะอาด และให้อาหารที่ดีแก่แพะเช่นเดียวกับโคนม กลิ่น รสของนมแพะจะไม่แตกต่างจากของนมโค ส่วนข่าวเกี่ยวกับผู้ติดเชื้อโรคบางอย่างจากการดื่มนมแพะนั้น เกิดจากกระบวนการให้ความร้อนเพื่อการฆ่าเชื้อในน้ำนมไม่ได้มาตราฐานก็จะได้นมที่ดื่มได้อย่างปลอดภัย "ดังนั้น ข้อเสียของการดื่มนมแพะคงเหลือเพียงเรื่องราคาค่อนข้างแพง เนื่องจากมีการผลิตปริมาณไม่มาก และการส่งเสริมการขายที่อ้างสรรพคุณต่างๆ จนนมแพะถูกวางเป็นอาหารพิเศษ"
ควรหันมาดื่มนมแพะดีหรือไม่
จากข้อมูลข้างต้นสรุปได้ว่าถ้าท่านไม่ได้มีปัญหาเกี่ยวกับการย่อยอาหารหรือแแพ้น้ำเหลืองวัว จะดื่มนมโคหรือนมแพะก็คงไม่แตกต่างกันนัก แต่หากมีปัญหาดังกล่าวและยังต้องการดื่มนมโดยยินดีจ่ายค่านมแพงขึ้น การดื่มนมแพะก็เป็นทางเลือกทางหนึ่ง แต่การผลิตนมแพะในขณะนี้ยังเป็นอุตสาหกรรมขนาดเล็ก ซึ่งการฆ่าเชื้อใช้วิธีต้มนมหากท่านไม่มั่นใจในมาตราฐานการฆ่าเชื้อของผู้ผลิต ก่อนดื่มก็ควรต้มนมอีกครั้ง อย่างน้อย 10 นาที
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น