ประโยชน์จากนมแพะอันที่จริงแล้ว “นมแพะ”
ไม่ใช่น้องใหม่ในวงการนมแต่อย่างใดในทางกลับกันนมแพะเป็นนมชนิดแรก
ที่มนุษย์นำมาบริโภคก่อนน้ำนมจากสัตว์ชนิดอื่นด้วยซ้ำ
เพราะนมแพะได้รับความเชื่อถือและกล่าวขานกันมาช้านานว่ามีคุณสมบัติทางยาใช้ดื่มเพื่อรักษาโรคเกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจมาตั้งแต่ยุคกรีกและในปัจจุบันนมแพะก็เป็นน้ำนมจากสัตว์ที่คนนำมาบริโภคมากที่สุดในโลกด้วย
ในประเทศไทยเองก็นิยมบริโภคน้ำนมแพะเพียงแต่จำกัดอยู่ในกลุ่มย่อย
เพราะที่ผ่านมายังไม่มีธุรกิจหรือหน่วยงานใดเข้ามาดำเนินการผลิตน้ำนมแพะอย่างจริงจัง
การทดลองของ Murry และคณะ (1999) ทำการเลี้ยงลูกสุกรด้วยนมแพะเป็นเวลา
52 วัน พบว่าลูกสุกร มีไขมันสะสมตามส่วนต่าง ๆ
ของร่างกายน้อยมากอย่างเห็นได้ชัด
และมีความแข็งแรงของกระดูกเพิ่มขึ้นเพราะไขมันจากนมแพะย่อยง่ายจึงไม่สะสมในร่างกาย และนมแพะมีปริมาณแคลเซี่ยมสูงกว่านมทั่วไป
จึงทำให้เนื้อกระดูกแน่น นอกจากนมแพะจะไม่ก่อไขมันสะสมแล้ว
นมแพะยังมีกรดไขมันชนิดพิเศษชื่อ คาโพรอิก (Caproic), คาพรีลิก (Caprylic) และคาพริก
(Capric) ที่วงการแพทย์กำลังให้ความสนใจ เพราะกรดไขมันเหล่านี้จะ
ช่วยรักษาโรคทางการดูดซึมอาหาร ไม่ว่าจะเป็นโรคภาวะดูดซึมสารอาหารบกพร่องหรือลำไส้เล็กทำงาน
ผิดปกติ
ผู้ป่วยที่มีปัญหาเกี่ยวกับระบบดูดซึมอาหารแพทย์จะแนะนำให้ดื่มนมแพะแทนและที่พิเศษ
ไปกว่านั้นกรดไขมันในนมแพะมีส่วนช่วยสลายการสะสมโคเรสเตอรอลในเส้นเลือดด้วย
นมแพะเหมาะกับผู้ป่วยโรคกระเพาะ เพราะนมแพะมีค่า pH อยู่ที่ 6.4 – 6.7 ซึ่งเป็นเกณฑ์ที่เหมาะสมในการปรับสภาพกระเพาะอาหารให้มีความเป็นกลาง นมแพะจึงช่วยลดการอักเสบเนื่องจากแผลใน กระเพาะอาหารได้
นมแพะมีสัดส่วนของแคลเซี่ยมที่สูงกว่านมอื่น ๆ ทั่วไป
จึงเหมาะกับเด็กในวัยเจริญเติบโตและช่วยป้องกันโรคกระดูกพรุนในผู้สูงอายุ ตั้งแต่ยุคกรีกโบราณจนถึงปัจจุบันมีหลายประเทศในแถบเมดิเตอร์เรเนียนที่ดื่มนมแพะเพื่อเป็นยารักษาโรค
เพราะกล่าวกันว่านมแพะมีสรรพคุณทางยาเหมาะกับผู้ที่มีอาการภูมิแพ้ โรคทางเดินหายใจ
ไซนัส หอบหืด เพราะโปรตีนในนมแพะจะทำให้เม็ดเลือดขาวทำงานมีประสิทธิภาพ
ภูมิต้านทานในร่างกายดีขึ้นเคยมีผู้ที่เป็นโรคภูมิแพ้ได้ทดลองดื่มนมแพะทุกวัน
เป็นเวลา 2 เดือนพบว่า มีอาการแข็งแรงขึ้น
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น